เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 การเสวนาวิชาการในหัวข้อ “ปลดล็อคอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก” จัดขึ้นโดยบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารจากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อหาทางออกในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤตจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก โดยมีการหารือในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวและการเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

โดยในการประชุมจะแบ่งเป็น 3 Sectionด้วยกันดังนี้ :
Section 1: การพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงวิกฤต, การแก้ปัญหาภายในประเทศและการพัฒนาภาคเกษตร
Section 2: การสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรม
Section 3: การใช้ Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, การเตรียมมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
Section 1: การพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงวิกฤต, การแก้ปัญหาภายในประเทศและการพัฒนาภาคเกษตร
ในช่วงนี้ ผู้บริหารจากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมพูดถึงแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยประเด็นหลักคือ:
การพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงวิกฤต
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากหลายปัจจัย เช่น การเพิ่มภาษีจากประเทศมหาอำนาจ การขาดดุลจากสงครามการค้า และวิกฤตห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ การเสวนาครั้งนี้ได้เน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเพื่อร่วมกันหาทางออกในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยการสนับสนุนภาคธุรกิจและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การพัฒนาระบบขนส่งทางรางและการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศที่สามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศ
การแก้ปัญหาภายในประเทศและการพัฒนาภาคเกษตร
การพัฒนาภาค การเกษตร ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย รัฐบาลมุ่งเน้นการ เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์การเกษตรที่มีมูลค่าสูงและการพัฒนาเทคโนโลยีในการเกษตรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริม การส่งออกสินค้าเกษตร ที่เป็นส่วนหนึ่งของการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน
การส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ภาคการท่องเที่ยวถูกมองว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น การเสวนาได้กล่าวถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดใหม่ๆ เช่น อิสราเอล สหราชอาณาจักร และอินเดีย ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะลดลงจากผลกระทบจากวิกฤตโควิดและความไม่แน่นอนทางการเมือง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการขยาย ระบบขนส่งทางราง เพื่อเชื่อมโยงจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น การพัฒนา รถไฟรางคู่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารให้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงโครงการสนามบินและท่าเรือเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

Section 2: การสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ดร.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกรัฐมนตรี) ได้พูดถึงประเด็นสำคัญในการเสวนาครั้งนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ การพลิกเกมเศรษฐกิจไทย โดยเน้นที่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศในอนาคต ต่อไปนี้คือรายละเอียดประเด็นที่ท่านกล่าวถึง:
1. การพลิกเกมเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency)
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นเครื่องมือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ดร.ทักษิณได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนา สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Cryptocurrency เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถเป็น ศูนย์กลางการเงิน ของภูมิภาคอาเซียน โดยการพัฒนาระบบการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล
ท่านมองว่า Cryptocurrency และ เทคโนโลยีบล็อกเชน จะเป็น กุญแจสำคัญ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยการสร้างระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ท่านกล่าวถึงซึ่งจะช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และ การตัดสินใจเชิงธุรกิจ ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
2. การสร้างนวัตกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ
ดร.ทักษิณเน้นถึงการพัฒนา นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้าง โอกาสทางเศรษฐกิจ และ การเติบโต โดยมุ่งเน้นที่การใช้เทคโนโลยี AI, Big Data, และ IoT ที่จะช่วยในการ คาดการณ์ และ วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ท่านกล่าวถึงการ พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ในภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้กับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
3. การวางแนวทางเศรษฐกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน
ดร.ทักษิณยังได้พูดถึงการ พัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยการ ใช้ทรัพยากร และ นวัตกรรม ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ รวมถึงการ ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในอนาคต
การลงทุนใน พลังงานหมุนเวียน และ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่สามารถรองรับการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่ท่านพูดถึง
ท่านมองว่า การพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศและช่วยในการรับมือกับวิกฤตจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การสร้างศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคอาเซียน
ดร.ทักษิณกล่าวถึงการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการ สร้างศูนย์กลางการเงิน ในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการใช้ Cryptocurrency และการพัฒนาระบบ การทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็น ผู้นำทางการเงิน ในภูมิภาคนี้
การเปิดตัว เทคโนโลยีการเงิน และ การธนาคารดิจิทัล จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลกและทำให้ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญใน ระบบการเงิน ของภูมิภาคอาเซียน

Section 3: การใช้ Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, การเตรียมมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในช่วงนี้จะเป็นการสัมภาษณ์พิเศษจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร โดยมี อาจารย์วีระ ธีรพัฒน์ และ คุณนุ่น ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้สัมภาษณ์ ซึ่งจะพูดถึง :
การใช้ Soft Power ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ประเทศไทยมี Soft Power ที่สามารถนำมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก รัฐบาลได้เพิ่มการสนับสนุนด้านภาษีสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย รวมถึงการพัฒนา อุตสาหกรรมกีฬา เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการจัดงานระดับโลก
การเตรียมมาตรการทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวจะต้องมีการเตรียมมาตรการทางการเงินที่เหมาะสม เช่น การให้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แก่ผู้ประกอบการ และการปรับปรุง โครงสร้างภาษี เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเอกชน โดยการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจและส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ

การเสวนาวิชาการในครั้งนี้ไม่เพียงแค่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ยังเป็นการเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและการเตรียมตัวสำหรับอนาคต โดยเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ยั่งยืนและแข็งแกร่งในระดับภูมิภาคและระดับโลก